top of page
Search

"ระบำเวท" ...มีสีขาวในสีดำ ...มีสีดำในสีขาว

  • Taliw
  • Mar 7, 2015
  • 1 min read

ยังจำ "เอื้อกานต์" และ "ทีเกื้อ" กันได้ไหมคะ? แล้วจำเรื่อง "อาคม" กันได้หรือเปล่า? เพราะในวันนี้ทั้ง "เอื้อ" - แพทย์หญิงผู้มีหัวใจแห่งการรักษาเต็มเปี่ยม และ "เกื้อ" - นายตำรวจหนุ่มผู้มีความยุติธรรมในใจอย่างเหลือล้นได้กลับมาโลดเล่นบนหน้ากระดาษอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ "ระบำเวท" ระบำเวท เป็นภาคต่อของเรื่อง "อาคม" โดยปลายปากกาของนักเขียนนามว่า "ชลนิล" -- ผู้วาดเรื่องราวเหนือธรรมชาติบนหน้ากระดาษให้เราได้ลิ้มลอง

แม้ชลนิลจะบอกกับเราว่า "เมื่อตอนเขียนอาคมจบใหม่ๆ ไม่เคยมีความคิดที่จะมานั่งเขียนนิยายภาคสองต่อเลย..." และตัวผู้เขียนก็ไม่เคยคาดคิดว่าอาคมจะมีเล่มสองเช่นกัน สำหรับเรื่องราวของ "ระบำเวท" นอกจากชลนิลไขข้อสงสัยที่ยังคลุมเครือว่าฆาตกรต่อเนื่องนามว่า 'คิม' คือใครแล้ว เขายังได้เติมแต่งรสชาติของอดีตที่ขาดหาย พร้อมนำเสนอ "สิ่งที่เหนือธรรมชาติ" ให้เราได้ยลกันอีกครั้ง แม้ครั้งนี้มิได้ทารุณโหดร้ายดั่งเช่นเก่า แต่ก็สะกิดใจให้เราหวนกลับมามองหาความหมายของ "สีเทา" อีกครั้ง --------------------------------------------------------------- เรื่องราวของระบำเวทที่ผู้เขียนขอนำมาบอกเล่า --------------------------------------------------------------- เมื่อสองพี่น้อง "เอื้อ" คุณหมอสาวผู้มีจิตใจเมตตาได้ช่วยเหลือและรักษาคนไข้ที่มีอาการผิดปกติรายหนึ่งเข้า ซึ่งเป็นการเข้าไปขัดขวางอาคมอันแรงกล้าของจอมเวท ...แม้ว่าเธอจะรู้ แต่เธอก็เลือกที่จะขัดขวางมิให้ผู้ใช้เวททำงานสำเร็จ งานนี้จึงเดือดร้อนถึง "คิม" ให้ต้องวางแผนช่วยเหลือ 'คนรัก' แม้ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันเขาก็ยอม ใช่!! คิม - ฆาตกรต่อเนื่อง (ในเรื่องอาคม) ที่ผันตัวเป็นคนดี ค่อยช่วยเหลือสังคมโดยเร้นกายในเงามืด คือ "ทรงกลด" คนรักเก่าที่ตายไปเมื่อ 5 ปีก่อนของเอื้อกานต์ อีกหนึ่งตัวละครที่ผู้เขียนแอบกรี๊ดกร๊าดคือ "หมอหมาก" คุณหมอมาดเซอร์ที่หากมองแต่ภายนอก คนไข้คงไม่อยากฝากชีวิตไว้ แต่ในความเป็นจริง เขาคือ หมอผู้มี "หัตถ์เทวดา" เป็นอัฉริยะบุคคลทางการแพทย์ โดยเราพบเขาคนนี้มาก่อนแล้ว ณ คลีนิกคนยากจากบทสุดท้ายในเรื่องอาคม ส่วนผู้ก่อเหตุวุ่นวายที่ปล่อย "ไวรัสอาคม" มาเข่นฆ่า "คนชั่ว" คือ จอมเวทหรือแม่มดผู้แกร่งกล้า "ไลล่า" -- อาจารย์ของอาจารย์ของคิม ผู้มีอำนาจเวทยากที่ใครจะต้านทาน ผู้มาพร้อมความเจ็บปวดในอดีต ส่วนโรคภัยที่มิอาจใช้การแพทย์และวิทยาศาสตร์ในการรักษาได้คือ "ไวรัสอาคม" -- ขึ้นชื่อว่าไวรัส นั่นแสดงว่ามิใช่มีเพียงหนึ่งชีวิตที่ต้องจบในการท่องมนตร์แต่ละครั้ง -- แต่หมายถึงในแต่ละครั้งที่ปล่อยไวรัสอาคม จะมีคนตายมากกว่าหนึ่ง งานนี้ทั้งหมอเกื้อและหมอหมากจึงต้องระดมทั้งกำลังกายและสมอง เพื่อยับยั้งภัยพิบัติในครั้งนี้ เรื่องราวมิใช่มีเพียง "ไวรัสอาคม" ที่ถูกปลดปล่อยเพื่อขจัดคนชั่วของจอมเวท โดยมีตัว เอื้อ - หมาก - คิม คอยขัดขวางเท่านั้น แต่ระบำเวทยังบอกเล่าเรื่องราวครั้ง "อดีต" ของตัวละครสำคัญแต่ไม่เด่นในเรื่องอาคม "ฮันเตอร์ คิม" อาจารย์ของทรงกลด พร้อมความสนุกกับการไล่ล่าหาจอมเวท เจ้าของไวรัสอาคม และแน่นอนว่า "ไสยศาสตร์" หรือ "อาคม" ยังคงเป็นจุดเด่นที่ทำให้เรื่องนี้สนุกจนมิอาจวาง --------------------------------------------------------------- มากกว่าตัวอักษรบนหน้ากระดาษ มากกว่าที่ตาเห็น --------------------------------------------------------------- ระบำเวทมีมากกว่าความสนุกที่ถ่ายทอดผ่านตัวอักษาและการเรียบเรียงเรื่องราว แต่ยังแฝง "ความจริง" ให้เราขบคิดกันอีกด้วย แง่คิดที่ว่านั่นคือ "สีเทา" กึ่งกลางของความดีและความชั่ว -- ประเด็นนี้ชลนิลเคยสะกิดเราแล้วในเรื่องอาคม และยังคงสะกิดซ้ำในเรื่องระบำเวท เพื่อให้เราไม่หลงลืมว่า... คนเรามีทั้งความดีและความชั่วด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครเลว 100 เปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกันก็ไม่มีใครเป็นคนดี 100 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เพียงแต่เราผู้มีทั้งความดีและความชั่วจะเลือกให้ด้านไหนครอบงำจิตใจเท่านั้นเอง คุณจำสัญลักษณ์ "หยิน - หยาง" ได้หรือไม่? -- ความดี - ความชั่วที่เรามีก็เหมือนหยิน-หยางที่มีทั้งสีขาวและสีดำอย่างละครึ่งผสมกันอย่างลงตัวนั่นแหละ "สัญลักษณ์หยินหยาง... มีสีขาวในสีดำ... มีสีดำในสีขาว... มนุษย์แต่ละคนก็เหมือนรูปสัญลักษณ์นี้ มีดีมีเลว ชั่วร้าย ปะปนในตัว" แต่ไม่ว่าใครจะเลือกทำตัวเป็นสีขาวหรือสีดำ แต่ก็ยังมีความจำนวนมากเป็น "สีเทา" และผู้เขียนชื่อว่าเราเกือบทุกคนมีสีเทาในจิตใจกันทั้งนั้น เพียงแต่จะเป็นเฉดไหนก็เท่านั้นเอง -- เพราะอย่างที่บอก ไม่มีใครดีหรือเลว 100 เปอร์เซ็นต์ สีเทา -- คนดีบางคนย่อมมีช่วงเวลาชั่วขณะหนึ่งที่จิตใจเกิดความอิจฉา ริษยา หรือโลภมาก ขณะที่คนเลวบางคนอาจมีช่วงขณะหนึ่งที่เกิดจิตเมตตา กรุณา และเอื้ออาทร แต่ไม่ว่าคนคนหนึ่งจะเป็นสีเทาเฉดไหนนั้น "เรามองเขาและตัดสินพวกเขาไปแล้ว" สิ่งนี้ต่างหากที่ชลนิลพยายามบอกผู้อ่านผ่านตัวอักษร ในช่วงเวลาที่จอมเวทปลดปล่อยไวรัสอาคม โดยมีเป้าหมายอยู่ที่ "คนชั่ว" คือคนที่มีจิตใจชั่วร้าย ณ ขณะหนึ่ง -- หากสมมติว่าในช่วงวินาทีที่ไวรัสอาคมถูกปล่อยนั้น มีคุณหมอผู้มีจิตอาสาช่วยเด็กยากไร้ กำลังมีจิตใจอิจฉาเพื่อนพยาบาลที่ได้รับช่อดอกไม้โต คุณหมอคนนี้จะโดนไวรัสและเป็นคนชั่วในสายตาของจอมเวททันที แต่หากในช่วงเวลาเดียวกัน นักการเมืองผู้โกงกินบ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงออกงานการกุศลและเกิดมีจิตใจเมตตาช่วงขณะ ก็จะไม่โดนไวรัสอาคมทำร้าย นักการเมืองคนนี้จะกลายเป็นคนดีทันทีเช่นกัน หรือขโมยที่กำลังปล้นร้านทอง เราจะมองว่าเขาเป็นคนเลว แต่เบื้องหลังการทำผิดกฏหมาย ขโมยคนนี้อาจกำลังพยายามหาเงินมารักษาบุพการีที่ป่วยก็ได้ ...อย่างนี้แล้วคุณจะใช้เกณฑ์อะไรไปตัดสินว่าคนโน้นคนนั้นเป็นคนดีหรือคนเลวได้อย่างไรกัน -- ความสับสน ไม่รู้ว่าสิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิดนี่เองที่ชลนิลสะกิดให้เราคิดคำนึงก่อนจะตัดสินใจว่ามีเพียงขาวกับดำ --------------------------------------------------------------- ...เป็นนิยายรัก ก็ต้องพูดถึงความรักด้วยสิ --------------------------------------------------------------- แม้ว่าทั้งหมดที่เขียนมาจะมิได้หวานแหวว แต่ระบำก็เป็นนิยายรักนะจ๊ะ (ตามความคิดของผู้เขียนอะนะ) และเรื่องความรัก ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกที่ชลนิลมอบให้สาวๆ ได้จิ้นฟินจิกหมอนกัน โดยความรักที่ว่านี้เกิดขึ้นกับหมอเอื้อ (อาคมเป็นรักของเกื้อไปแล้วนี่นา) ที่มีทั้งความหวานและความโศกปะปนกัน... คุณจำหมอหมาก ผู้ชายเคราเขียวมาดเซอร์ที่ไม่มีมาดของคุณหมอกันได้หรือเปล่า เขาคนนี้เองที่จะมาเติมความหวานในหัวใจหมอเอื้อ ตั้งแต่ที่คนรักเก่า "ทรงกลด" เสียชีวิตไป หมอเอื้อก็ปิดกั้นหัวใจตัวเองมาโดยตลอด แล้วอยู่ๆ ก็มีหมอหมากที่แม้มาดจะเซอร์ แต่กลับเป็นคนอารมณ์ขันและเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่ง ความหวานที่หมอหมากหยอดพร้อมความฮาทำให้สั้นคลอนหัวใจของหมอเอื้อ (พร้อมผู้เขียนด้วย ^^) แต่แล้วอยู่ๆ ในวันหนึ่งหมอเอื้อก็ได้รักษาผู้ป่วยจากไวรัสอาคมที่มีหน้าตาคล้ายคนรักเก่า แม้ว่าช่วงเวลาที่รักษาหมอเอื้อรักษาคนป่วยรายนี้จะไม่รู้ว่าเขาคือ "ทรงกลด" แต่ส่วนลึกในจิตใจกลับเชื่อมั่นว่าเขาคนนี้คือคนในอดีตคนนั้น เปล่า!!! หมอเอื้อมิได้สับสนหรือเปลี่ยนใจจากหมอหมากไปซบอกคนรักเก่า แต่เป็นเพราะความผูกพันและระลึกถึงเสมอมา ทำให้เกิดความห่วงใย แต่นั่นกลับทำให้หมอหมากคิดว่าตัวเองอกหักจนต้องเว้นระยะห่าง ส่วนทรงกลดผู้ยังคงรักหมอเอื้อมิคลาย แม้จะรักมากสุดหัวใจ แต่เขาแตกต่างจากทรงกลดในอดีต... เขาไม่สามารถมีอนาคตสวยหรู เขาไม่สามารถปรากฏตัว เพราะเขาเป็นคนที่ไม่สมควรอยู่บนโลก แม้จะรักมั่นแต่ก็จำต้องปฎิเสธตัวตนและหัวใจตัวเอง ความรักของเรื่องนี้จึงเสมือน "รักสามเศร้า" แต่เป็นรักสามเศร้าที่หอมหวานและมีความสุข "สำหรับเอื้อ... คิดว่าคนเรามันก็เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ทั้งเอื้อ ทั้งเกื้อ ก็ไม่ใช่คนเดิมของเมื่อวานแล้ว แต่การที่คนสองคนได้อยู่ร่วมกัน ค่อยๆ รับความเปลี่ยนแปลงของกันและกันทีละน้อยอย่างนั้นเอื้อว่าความรักมันจะสามารถยืนยาวได้" ### ระบำเวท โดยชลนิล สำนักพิมพ์คำต่อคำ

Book22.jpg

 
 
 

Comments


bottom of page