"ม่านมนตรา" อีกหนึ่งผลงานดีงามจาก 'ชลนิล'
- Taliw
- Jul 18, 2015
- 1 min read
"ม่านมนตรา" นิยายเรื่องที่ 6 ของชลนิลที่ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ดวงตะวันและเป็นนิยายล่าสุดของเขาที่ฉันได้เดินทางท่องไปในดินแดนแห่งจินตนาของนักเขียนคนนี้ ตั้งแต่เดินทางท่องไปดินแดน "อาคม" ของชลนิล ฉันก็ไม่เคยที่จะเพิกเฉยต่อผลงานเล่มอื่ๆน ของเขาได้เลย เพราะผลงานของชลนิลเต็มไปด้วย "อารมณ์" และ "จินตนาการไร้ขอบเขต" ...ม่านมนตราก็เช่นกัน จากที่อ่านงานเขียนของชลนิลมา 6 เล่ม ก็พอจะจับทางของนักเขียนคนนี้ได้บ้างแล้วว่า ผลงานของเขาจะมี 2 แนว ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่อง "เร้นลับ" ที่ยากจะจินตนการถึง ส่วนอีกแนวคือ "วิทยาศาสตร์" ที่แม้จะอธิบายด้วยเหตุและผลได้ แต่ก็เป็นวิทยาการที่ก้าวไกลเกินกว่าปัจจุบัน และงานเขียนของเขา แม้จะมีเรื่องราวความรักมาเกี่ยวข้อง แต่รักนั้นกลับเป็นรักที่ขาดความหวาน รักที่ไม่อาจหาคำตอบหรือข้อสรุปแบบนิยายรักทั่วไปได้ ...สามสิ่งนี้ทำให้งานเขียนชลนิลโดดเด่นอย่างมีเอกลักษณ์ ม่านมนตรา ...ไม่ต่างจากนิยายเล่มอื่นๆ ของชลนิลที่บอกเล่าเรื่องราวของ "ไสยศาสตร์" ความเร้นลับที่มิอาจอธิบายได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเร้นลับที่มีเหตุและผล โดยวางอยู่บนพื้นฐานของ "ความเชื่อ" หนังสือเล่มนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวที่เหนือจินตนาการที่เราต่างก็เชื่อสนิทใจ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ฉันจะ "อิน" กับเรื่องราวภายในเล่มจนยากจะถอนตัวถอนใจ นอกจากความสนุกที่ชลนิลมอบให้ผู้อ่านแล้ว นักเขียนยังส่งมอบ "ความกลัว" ไว้ในใจคนอ่านอีกด้วย "ความกลัว" ที่ว่านี้คือ ความกลัวแห่งกรรม
...กรรม ที่เราต่างก็รู้ว่ามี รู้และเชื่อพอๆ กับคำว่า "การเวียนว่ายตายเกิด" หรือ "วัฏจักรสงสาร" นั่นแหละ
เขาเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด แต่เขาไม่เคยอยากรู้ว่าตายไปแล้วจะไปอยู่ที่ไหน
ใช่! พวกเราและใครหลายคนเชื่อว่า ผี วิญญาณ ปิศาจ เทวดา หรือแม้กระทั่งไสยศาสตร์ อาคม ฯลฯ เหล่านี้มีอยู่จริง แต่เราต่างก็ไม่เคยที่จะสัมผัสหรืออยากรับรู้ว่ามันมีอยู่ในโลกร่วมกับเราจริงๆ เป็นความเชื่อก่ำกึ่งกับความไม่เชื่อ เป็นความเชื่อที่ไม่มีใครปฎิเสธว่าไม่มี กลับมาถึง "ความกลัว" ที่ชลนิลปลุกเร้าในใจ แต่หากเทียบกับเรื่อง "รอยสาป" อาจต้องบอกว่า รอยสาปปลุกปั่นความกลัวได้ดีกว่าม่านมนตรา
ความกลัวของรอยสาปเป็นความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ ...ไม่รู้ว่าอำนาจลี้ลับในเรื่องมีขอบเขตอำนวจมากเพียงใด ไม่รู้ว่าใครหรืออะไรอยู่เบื้องหลังความลี้ลับนั้น ความไม่รู้นี้เอง ที่ก่อเกิดภาพในจินตนาการในสมองเล็กๆ ของผู้อ่าน จนเกิดเป็นความกลัวจับจิตจับใจ ...เพราะเราไม่รู้ว่าสิ่งนั้น น่ากลัวเพียงใด แต่สำหรับม่านมนตรา เรารู้ว่าอาคม ภูตผีในเรื่องเกิดจากนำมือของใคร และคนผู้นั้นต้องการอะไร ...เมื่อเรารู้ จินตนาการที่เกิดขึ้นย่อมมีขอบเขตจำกัด ผนวกกับ "คุณความดี" จากทั้งเทวดา ผู้ทรงศีล และพระสงฆ์ที่ก้าวพ้นวัฏจักรสงสาร ทำให้เสมือนมีเกราะของพระรัตนตรัยคอยคุ้มครอง ...ความกลัวที่เกิดขึ้นจึงบางเบา สิ่งที่ม่านมนตราให้ มิใช่เพียงความบันเทิงเท่านั้น แต่ชลนิลยังชี้และกระตุ้นเตือนให้เราระลึกถึง "บาป บุญ และผลกรรม" อีกด้วย
การกระทำในวันนี้ คือผลกรรมในวันหน้า ...นี่คือประเด็นหลักที่ม่านมนตราต้องการบอกเรา ม่านมนตรา ...เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นจาก 'สัจจา' ‘มรรคา’ ไม่เคยรู้ จดจำได้เลยว่าตนมี ‘พันธะ’ สัญญากับใคร จนได้มาปรับปรุง พัฒนาที่ดินอาถรรพณ์แปลงหนึ่ง นับจากนั้น เรื่องราวความฝันตั้งแต่อดีตชาติ ดวงวิญญาณที่เฝ้าติดตาม ประสบการณ์น่าสะพรึง เฉียดตาย ล้วนเรียงรายเข้ามาในชีวิต ‘พันเกลียว’ ไม่เคยรู้ จดจำได้เลยว่าตน ‘รับปาก’ อะไรไว้ แต่ก็ยังฝึกฝนเวทมนตร์ อาคม จนแกร่งกล้า ไม่แพ้ใคร ‘ปีกแก้ว’ ไม่เคยรู้ จดจำได้เลยว่าตน ‘อธิษฐานจิต’ ไว้เช่นไร รู้เพียงแต่ เธอมีสัมผัสพิเศษ และพลังอันยิ่งใหญ่คอยคุ้มครอง พันธะแห่งสัจจา ความรักข้ามชาติภพ แรงแค้นฝังลึกแน่นอุรา...ก่อร่างเป็นกรงขัง ...พันธนาการหัวใจ... นี่คือโปรยปกหลังที่บอกเล่าพล็อตเรื่องของหนังสือเล่มนี้ "จ้าว" พราหมณ์ ผู้หลงรักกับสาวข้ามวรรณะ 'จัณฑาล' หลังจากที่เขาทำลายวงตระกูลของตนเพื่อคนรักไปแล้ว จึงกำเนิดขึ้นใหม่เป็น "ปิศาจ" ที่มีวิชาติดตัวมาจากชาติก่อน ขณะที่ "มรรคา" อดีตเทวดานาม 'ทิชาเทพ' ผู้เคยปราบจ้าว เพื่อช่วยเหลือหญิงชาวบ้าน จนพลั้งเผลอตกหลุมให้ 'สัจจา' กับปิศาจ จนต้องลงมาจุติเป็นมนุษย์ เพื่อสะสางสัจจานั้นตามความสัตย์ ส่วน "ปีกแก้ว" อดีตเทวนารีและอดีตภรรยาของทิชาเทพ ผู้มีรักอันยิ่งใหญ่ก็ตามติดสามีมาจุติเป็นมนุษย์ เพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาตามที่เคยลั่นสัจจะเอาไว้ แรงอธิฐานก่อนลงมาจุติ ทำให้เธอมีเทพยาดาคอยคุณครอง "กะพ้อ" อีกหนึ่งตัวละครสำคัญ ผู้เปรียบเสมือนชนวนของเรื่องราวในครั้งนี้ จากเด็กสาวกลางป่าที่มาพานพบความเมตตาสงสารจากเทพหนุ่ม จนตกหลุมรัก ยอมแม้สละชีวิตเพื่อปกป้องชายที่รัก แม้จะรู้ทั้งรู้ว่ารักนั้นเป็นไปไม่ได้และไม่อาจเอื้อม แต่ก็ยังรักมิเสื่อมคลาย ส่วน "พันเกลียว" หญิงสาวผู้รับปากเพื่อนร่วมทุกข์ว่าจะคอยช่วยเหลือทิชาเทพ หากตนได้เกิดเป็นมนุษย์ ความรักที่เกิดขึ้นโดยมิรู้ตัว ผลักดันให้เธอก้าวเดินบนเส้นทางของอาคมและไสยศาสตร์ แต่เมื่อรู้ว่ารักนั้นต้องห้าม เธอก็พร้อมที่จะถอยห่าง ด้วยพันธะ ด้วยสัจจา และด้วยผลแห่งกรรม ทำให้ตัวละครเหล่านี้มาพานพบกัน เพื่อชำระคำมั่นตามกฎแห่งกรรม
...และนี่คือเรื่องราวของ "ม่านมนตรา"
###
ม่านมนตรา
โดยชลนิล
สำนักพิมพ์คำต่อคำ
พิมพ์ครั้งที่ 5 (2558)

Comments